Car Seat

ที่นั่งนิรภัยเด็กในรถยนต์ (Car Seat) ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 ที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และจะเริ่มบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 120 วันหลังประกาศ ซึ่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน 2565 พ่อแม่ผู้ปกครองหลายท่านน่าจะกำลังสงสัยว่าที่นั่งนิรภัยเด็กมีกี่แบบ และเลือกใช้อย่างไร

Car Seat ‘ที่นั่งนิรภัยเด็ก’ เป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยบนรถยนต์เช่นเดียวกับเข็มขัดนิรภัยหรือถุงลมนิรภัย ช่วยลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในขณะเกิดอุบัติเหตุ เช่น เด็กกระเด็นออกจากรถ เนื่องจากรูปร่างของเด็กไม่เหมาะสมกับเข็มขัดนิรภัยของผู้ใหญ่ จึงต้องมีอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ต่างออกไป

ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่าคาร์ซีทสามารถลดการเสียชีวิตของเด็กได้ถึง 70% ซึ่งควรใช้ให้เหมาะกับช่วงอายุ น้ำหนัก และส่วนสูงของเด็ก (ตามข้อกำหนดของบริษัทผู้ผลิต) โดยแบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้

1. แบบติดตั้งหันหน้าไปทางด้านหลังรถ (Rear-Facing Car Seat) เป็นที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กทารก ใช้ในเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 2 ปี เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกต้นคอหัก จากการสะบัดของศีรษะเมื่อเกิดการชนหรือเบรกรุนแรง

2. แบบติดตั้งหันหน้าไปทางด้านหน้ารถ (Forward-Facing Car Seat) เป็นที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กเล็ก ใช้ในเด็กอายุ 2-4 ปี

3. แบบเสริม (Booster Seat) เป็นที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กโต ใช้ในเด็กอายุ 4-12 ปี เพื่อยกตัวเด็กขึ้นให้สามารถใช้เข็มขัดนิรภัยของผู้ใหญ่ได้พอดี โดยนั่งตัวตรงห้อยขากับเบาะรถ และหลังพิงพนักได้ถนัด ส่วนล่างของเข็มขัดนิรภัยต้องพาดผ่านกระดูกเชิงกราน และส่วนบนพาดผ่านหน้าอก

มีคำแนะนำในการเลือกใช้ ดังนี้

– เลือกคาร์ซีทที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย

– คาร์ซีททุกประเภท ให้เด็กนั่งจนกว่าจะมีน้ำหนักและส่วนสูงเกินเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด

– ติดตั้งคาร์ซีททุกประเภทไว้ตรงเบาะหลังของรถยนต์

– หากรถไม่มีเบาะหลัง ให้ติดตั้งคาร์ซีทข้างเบาะคนขับ และต้องปิดการใช้งานถุงลมนิรภัย (ดูเพิ่มเติมได้ที่คู่มือประจำรถ) หรือเลื่อนเบาะไปด้านหลังให้มากที่สุด เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุกระแทกแรง ถุงลมนิรภัยอาจอาจอัดกระแทกเด็กได้

การเลือกคาร์ซีทที่ดี ควรเลือกตามความเหมาะสม ทั้งขนาดตัวของเด็ก น้ำหนัก ส่วนสูง และช่วงวัย ทั้งนี้ควรศึกษาคู่มือการใช้งานอย่างละเอียด เพราะคาร์ซีทแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ อาจมีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน แต่ที่สำคัญเลยก็คือคุณพ่อคุณแม่ก็ควรขับรถอย่างระมัดระวัง ไม่ประมาท

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง