แนวข้อสอบใบขับขี่ หมวดกฎหมายแพ่งพาณิชย์และกฎหมายอาญา

  1. นาย กนกขับรถด้วยความเร็วชนรถยนต์นายขมับได้รับความเสียหาย กรณีดังกล่าวนายขมับจะต้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งภายในกำหนดเวลาเท่าใด?
    ก. 1 ปี นับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้ถึงละเมิด และรู้ตัวผู้จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
    ข. 10 ปี นับแต่วันทำละเมิด
    ค. ไม่มีกำหนดระยะเวลา
    ง. ถูกทั้งข้อ ก. และ ข.
  2. ความผิดลหุโทษหมายถึงข้อใด?
    ก. ความผิดซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
    ข. จำคุกตลอดชีวิต
    ค. ประหารชีวิต
    ง. จำคุก 50 ปี
  3. กรณีที่ผู้ขับขี่ขับรถโดยประมาทไปชนบุคคลอื่นใดจนถึงแก่ความตาย นอกจากผู้ขับขี่จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในทางแพ่งแล้ว ผู้ขับขี่จะต้องรับโทษทางอาญาในข้อใด?
    ก. ประหารชีวิต
    ข. จำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท
    ค. จำคุกตลอดชีวิต
    ง. ริบทรัพย์สิน
  4. นายวินัยขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้นายสมพลถึงแก่ความตาย และศาลลงโทษจำคุกไม่เกินสองปีแต่เนื่องจากนายวินัยไม่เคยต้องโทษในคดีอาญามา ก่อน ศาลจึงรอลงอาญาไว้ ท่านเข้าใจว่ารอลงอาญาหมายถึงข้อใด?
    ก. ศาลพิพากษาว่านายวินัยไม่มีความผิด
    ข. ศาลพิพากษาว่านายวินัยไม่ต้องรับโทษ
    ค. ศาลพิพากษาว่านายวินัยมีความผิดแต่รอการลงโทษไว้
    ง. ถูกทุกข้อ
  5. อันตรายสาหัสหมายถึงข้อใด?
    ก. ตาบอดหรือหูหนวก
    ข. บาดเจ็บรักษาตัวเกินกว่า 20 วัน
    ค. ขาหักหรือแขนขาด
    ง. ถูกทุกข้อ
  6. กรณีตามข้อใดที่ผู้ขับรถต้องรับผิดทางอาญา?
    ก. ขับรถประมาทชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย
    ข. ขับรถนายจ้างไปชนรถคันอื่นได้รับความเสียหายโดยเจตนา
    ค. ขับรถด้วยความเร็วเฉี่ยวคนกำลังข้ามทางม้าลายล้มแขนหัก
    ง. ถูกทุกข้อ
  7. ในกรณีขับรถโดยประมาทชนผู้อื่นจนได้รับอันตรายสาหัส ผู้ขับรถต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามข้อใด?
    ก. ค่าปลงศพ
    ข. ค่ารักษาพยาบาล
    ค. ค่าขาดไร้อุปการะ
    ง. ถูกทุกข้อ
  8. การขับรถโดยประมาทหมายถึงข้อใด?
    ก. นายมิ่งขับรถตัดหน้ารถของนายมากโดยจงใจ ทำให้รถนายมากเสียหลักพลิกคว่ำ
    ข. นายเขียวเจตนาขับรถชนนายขาวจนถึงแก่ความตาย
    ค. นายเหลี่ยมขับรถที่มีห้ามล้อชำรุดจนเป็นเหตุให้ชนคนตาย
    ง. นายจักรตั้งใจขับรถชนนายจง แต่พลาดไปถูกนายจันบาดเจ็บสาหัส
  9. ข้อใดไม่ใช้ความผิดลหุโทษ
    ก. การกระทำใด ๆ ให้ของโสโครกเปรอะเปื้อน
    ข. การดื่มสุราจนครองสติไม่ได้
    ค. พกพาอาวุธเข้าไปในเมือง
    ง. ชักหรือแสดงอาวุธในการทะเลาะวิวาทต่อสู้ ต้องระวางโทษจำคุก 15 วัน
  10. ข้อใดไม่ใช้ “อันตรายสาหัส”
    ก. แท้งลูก
    ข. เสียแขน 1 ข้าง
    ค. เจ็บป่วยทุกขเวทนาเป็นเวลา 20 วัน
    ง. เสียอวัยวะสืบพันธ์
  11. ความผิดอันก่อให้เกิดอันตรายแก่ประชาชนในการใช้รถใช้ถนนคือข้อใด
    ก. การนำระเบิดไปฝังไว้ในที่จอดรถ
    ข. การใช้นำมันราดทางเดินรถ
    ค. บรรทุกผู้โดยสารในลักษณะห้อยโหน
    ง. ถูกทุกข้อ 
  12. นาย ก ชกนาย ข หนึ่งที่ ข ล้มลง บังเอิญศีรษะไปโดนแง่หินถึงแก่ความตาย การกระทำเช่นนี้นาย กจะต้งอรับผิดฐานใด
    ก. นาย ก ต้องรับผิดฐานทำให้คนตายโดยไม่เจตนา
    ข. นาย ก ต้องรับผิดฐานทำร้ายร่างกาย
    ค. นาย ก ต้องรับผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาท
    ง. นาย ก ต้องรับผิดฐานทำให้คนตายโดยไม่ประสงค์ต่อผล
  13. ผู้ใดประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายต้องระวางโทษอย่างไร
    ก. จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท
    ข. จำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท
    ค. จำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 30,000 บาท
    ง. จำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 40,000 บาท
  14. ข้อใดคือเจตนาประสงค์ต่อผล
    ก. นาย ก ใช้ปืนยิง นาย ข ถึงแก่ความตาย
    ข. นาย ก ใช้ปืนยิ่งเข้าไปในรถโดยสารที่บรรทุกผู้โดยสารแน่นคันรถ
    ค. นาย ข ใช้ไม้มีดแทงนาย ก ถึงแก่ความตาย
    ง. นาย ข ดักตีศรีษะนาย ก ได้รับบาดเจ็บสาหัส
  15. ข้อใดคือเจตนาโดยประสงค์ต่อผล
    ก. นาย ก ใช้ปืนยิง นาย ข ถึงแก่ความตาย
    ข. นาย ก ใช้ปืนยิ่งเข้าไปในรถโดยสารที่บรรทุกผู้โดยสารแน่นคันรถ
    ค. นาย ก ขว้างก้อนหินเข้าไปในกลุ่มคนที่เข้าคิวรอซื้อตั๋วหนังแน่นขนัด
    ง. นาย ก ยิ่งหนังสติ๊ก เช้าไปในกลุ่มคนที่กำลังเดินขบวนพาเหรด
  16. เจตนาตามกฎหมายอาญามี 2 ประเภท
    ก. เจตนาจงใจ กับ เจตนาประมาท
    ข. เจตนาโดยประสงค์ต่อผล และเจตนาโดยย่อมเล็งเห็นผล
    ค. เจตนาทางตรง และ เจตนาทางอ้อม
    ง. ข้อ ข และ ค ถูกต้อง
  17. นาย ก ไม่เข้าไปช่วยดับเพลิงเมื่อพนักงานเรียกให้ช่วยระงับทั้งที่สามารถช่วยได้แต่นาย ก ไม่ยอมช่วยเหลือพฤติกรรมของ นาย ก่อให้เกิดความผิดทางอาญาหรือไม่อย่างไร
    ก. นาย ก ผิดกฎหมายอาญา เนื่องจาก ไม่กระทำในสิ่งที่กฎหมายให้กระทำ
    ข. นาย ก ผิดกฎหมายอาญา เนื่องจาก กระทำในสิ่งที่กฎหมายให้กระทำ
    ค. นาย ก ไม่ผิดกฎหมายอาญา เนื่องจาก นาย ก เป็นบุคคลภายนอก
    ง. นาย ก ไม่ผิดกฎหมายอาญา เนื่องจาก นาย ก ไม่ได้ยินพนักงานเรียกให้ช่วย
  18. การกระทำที่ก่อให้เกิดความผิดในทางอาญา ได้แก่การกระทำเช่นไร
    ก. กระทำในสิ่งที่กฎหมายห้ามกระทำ
    ข. ไม่กระทำในสิ่งที่กฎหมายให้กระทำ
    ค. กระทำในส่งที่กฎหมายให้กระทำ
    ง. ข้อ ก และ ข ถูกต้อง 
  19. นาย ข ขายของเกินราคาเนื่องจากอ้างว่าไม่ทราบประกาศของทางราชการได้หรือไม่
    ก. ได้ เพราะ บ้านของนาย ข ไม่มีโทรทัศน์จึงไม่ทราบประกาศทางราชการ
    ข. ได้ เพราะ ทางราชการไม่ส่งหนังสือแจ้งให้นาย ข ทราบถึงการขึ้นราคาสินค้า
    ค. ไม่ได้ เพราะ บ้านของนาย ข อยู่ใกล้สถานีตำรวจ
    ง. ไม่ได้ เพราะ นาย ข จะปฏิเสธว่าไม่รู้กฎหมายเพื่อให้พ้นความผิดไม่ได้ 
  20. ข้อใดถูกต้อง
    ก. กฎหมายอาญาเป็นกฎหมายว่าด้วยความผิดและการกำหนดดทษ
    ข. กฎหมายอาญาเป็นกฎหมายมหาชน
    ค. กฎหมายอาญาเป็นกฎหมายที่ ที่ใช้บังคับแก่คนทั่ว ๆ ไป
    ง. ถูกทุกข้อ 
  21. บุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แบ่งออกได้ดังนี้
    ก. บุคลคลธรรมดา นิติบุคคล สมาคม
    ข. บุคลคลธรรมดา นิติบุคคล
    ค. บุคลคลธรรมดา นิติบุคคล องค์การบริหารส่วนจังหวัด
    ง. บุคลคลธรรมดา บริษัทจำกัด สมาคม
  22. ข้อใดคือความหมายของการเริ่มของสภาพบุคคล
    ก. สภาพบุคคลเริ่มแต่คลอดแล้วดอยู่รอดเป็นทารก
    ข. สภาพบุคคลเริ่มแต่คลอดแล้วดอยู่รอดเป็นทารก และสิ้นสุดลงเมื่อตาย
    ค. สภาพบุคคลเริ่มตั้งแต่คลอดและมีชีวิตอยู่
    ง. สภาพบุคคลเริ่มตั้งแต่บรรลุนิติภาวะ
  23. ข้อใดคือบุคคลตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
    ก. บริษัท จำกัด
    ข. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
    ค. เด็กที่อยู่ในภรรภ์มารดา
    ง. ข้อ ก และ ข ถูกต้อง
  24. คำว่า “การอยู่รอดเป็นทารก” หมายความว่าอย่างไร
    ก. ทารกนั้นได้คลอดออกมาแล้ว
    ข. ทารกนั้นได้หายใจแล้ว
    ค. ทารกนั้นเกิดมาเกิน 25 นาทีแล้ว
    ง. ทารกนั้นได้นำไปแจ้งเกิดตามระเบียบราชการแล้ว
  25. ความหมายของนิตติบุคคล คือข้อใดไม่ถูกต้อง
    ก. เป็นบุคคลที่กฎหมายสมมติ
    ข. มีหน้าที่เช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา
    ค. สามารถทำได้ทุกอย่างเหมือนบุคคลธรรมดา
    ง. ทุกข้อถูกต้อง
  26. กิจกรรมใดที่นิติบุคล สามารถกระทำได้เช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา
    ก. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
    ข. การแต่งงาน
    ค. การโอนทรัพย์สิน
    ง. การเกณฑ์ทหาร
  27. นิตติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คือข้อใด
    ก. ทวงการเมือง
    ข. บริษัทจำกัด สมาคม มูลนิธิ
    ค. องค์การบริหารส่วนจังหวัด
    ง. เทศบาล วัดวาอารม
  28. นิติบุคลตามกฎหมายอื่นได้แก่ข้อใด
    ก. บริษัทจำกัด
    ข. สมาคม
    ค. มูลนิธิ
    ง. องค์การบริหารส่วนจังหวัด
  29. การกระทำของบุคคลที่กฎหมายยอมรับและบังคับใช้” เป็นความหมายของข้อใด
    ก. นิติกรรม
    ข. สัญญา
    ค. พินัยกรรม
    ง. หนังสือราชการ
  30. ความหมายของ นิติกรรม คือข้อใด
    ก. การใด ๆ ที่ทำโดยชอบด้วยกฎหมาย
    ข. กระทำด้วยความสมัครใจ
    ค. มุ่งตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล
    ง. ทุกข้อถูกต้อง 
  31. การกระทำอย่างไรไม่ถือว่าเป็นการแสดงเจตนา
    ก. การสั่งการโดยการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร
    ข. การสั่งการโดยวาจา
    ค. การคิดในใจว่าจะกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
    ง. การนิ่งไม่แสดงการปฏิเสธหรือยอมรับ
  32. การกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย คือข้อใด
    ก. การทำสัญญาซื้อขายเฮโรอีน
    ข. การทำสัญญาเช่ารถขนยาเสพติด
    ค. การทำสัญญาเช่าซื้อรถ
    ง. การจอดรถในที่ห้ามจอด
  33. การกระทำด้วยความสมัครใจต้องเป็นการกระทำที่ปราศจากสิ่งใด
    ก. การถูกข่มขู่
    ข. การถูกหลอกลวง
    ค. การโดนบังคับ
    ง. การกระทำโดยปราศจากข้อ ก, ข และ ค 
  34. การกระทำใดเข้าข่ายการเปลี่ยนแปลงสิทธิ
    ก. ก ซื้อ ข้าวแก่ง ชำระด้วยเงินสด
    ข. ก กับ ข ตกลงกันว่าเงินที่กู้ไปนั้น ข จะส่งให้เป็นข้าวสารแทนเงิน
    ค. ก กับ ข ตกลงกันซื้อขายรถยนต์โดยชำระเงินสด
    ง. ก รับจ้างกับ ข เกี่ยวข้าวโดยรับค่าจ้างเป็นเงินสด
  35. บุคคลใดต่อไปนี้ไม่สามารถทำนิติกรรมได้โดยลำพัง
    ก. ผู้เยาว์
    ข. คนไร้ความสามารถ
    ค. คนเสมือนไร้ความสามารถ
    ง. ถูกทุกข้อ 
  36. ผู้เยาว์ หมายถึง
    ก. บุคคลที่บรรลุนิติภาวะ
    ข. บุคคลที่ยังอยู่กับบิดามารดา
    ค. บุคคลที่ไม่บรรลุนิติภาวะ
    ง. บุคคลที่ยังเรียนอยู่ในระดับมัธยมศึกษา
  37. คนไร้ความสามารถ หมายถึง
    ก. คนบ้า
    ข. อคนจิตฟั่นเฟือน
    ค. อคนไม่มีงานทำ
    ง. คนวิกลจิตที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ 
  38. คนเสมือนไร้ความสามารถ หมายถึง
    ก. คนที่ไม่สามารถจัดการงานทุกอย่างได้ด้วยตนเอง
    ข. คนที่ไม่สามารถมีบุตรได้
    ค. คนปกติที่ทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่สำเร็จ
    ง. คนที่ไม่สามารถอ่านหนังสือได้
  39. ผู้เยาว์ทำนิติกรรม ข้อใดถูกต้อง
    ก. ผู้เยาว์ทำนิติกรรมได้ แต่นิติกรรมนั้นเป็นโมฆียะ
    ข.ผู้เยาว์ทำนิติกรรมได้ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมเสมอ
    ค.ผู้เยาว์ทำนิติกรรมได้ แต่นิติกรรมนั้นอาจถูกบอกล้างด้วย
    ง.ถูกทุกข้อ 
  40. ข้อใดถูกต้อง
    ก. นิติกรรมที่ผู้เยาว์ทำ หากไม่ได้รับความยินยอมจากผู้อนุบาล นิติกรรมนั้นจะเป็นโมฆียะ
    ข. นิติกรรมที่ผู้เยาว์ทำ หากไม่ได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ นิติกรรมนั้นจะเป็นโมฆียะ
    ค. นิติกรรมที่ผู้เยาว์ทำ หากไม่ได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม นิติกรรมนั้นจะเป็นโมฆียะ
    ง. นิติกรรมที่ผู้เยาว์ทำ หากไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง นิติกรรมนั้นจะเป็นโมฆียะ
  41. ผู้พิทักษ์ คือใคร
    ก. ผู้ให้ความพิทักษ์ของคนเสมือนไร้ความสามารถ
    ข. ผู้ให้ความพิทักษ์ของคนไร้ความสามารถ
    ค. ผู้ให้ความพิทักษ์ของผู้เยาว์
    ง. ผู้ให้ความพิทักษ์ของผู้แทนโดยชอบธรรม
  42. ละเมิด คืออะไร
    ก. การกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายที่ประเมินค่าเป็นตัวเงินได้
    ข. การกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแต่ผู้อื่น
    ค. การกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตนเองและแต่ผู้อื่น
    ง. ถูกทุกข้อ
  43. ข้อใดเป็นการกระทำละเมิด
    ก. นาย ก ขับรถชนรั้วบ้านของตัวเอง
    ข. นาย ข ยินยอมให้นาย ก แตะก้น
    ค. นาย ก ขับรถชนรั้วบ้านนาย ข
    ง. นาย ก ถูกหมอที่โรงพยาบาลฉีดยาป้องกันบาดทะยัก
  44. การกระทำละเมิด ต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง
    ก. เป็นการกระทำโดยจงใจหรือประมาท
    ข. เป็นการกระทำต่อผู้อื่น
    ค. การกระทำนั้นผิดกฎหมาย และผู้อื่นเสียหาย
    ง. ต้องเป็นการกระทำที่ประกอบด้วย ก, ข และ ค 
  45. การกระทำใดถือว่าไม่เป็นการละเมิด
    ก. นาย ก ยินยิมให้แพทย์ผ่าตัดใส้ติ่ง
    ข. ตำรวจจับคนร้ายชิงทรัพย์ขังไวในห้องขัง
    ค. นายทะเบียนพักใช้ใบอนุญาตขับรถตามที่กฎหมายกำหนด
    ง. ถูกทุกข้อ 
  46. ผู้เสียหายอาจเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเป็นสิ่งใด
    ก. เงินสด
    ข. คืนเป็นสินทรัพย์ที่เสียหาย
    ค. เรียกร้องให้จัดหายานพาหนะมาใช้รับ-ส่ง
    ง. ถูกทุกข้อ 
  47. ในกรณีทำละเมิดให้เขาถึงตายทันที ค่าสินไหมทดแทนใดที่ผู้ละเมิดไม่ต้องชดใช้
    ก. ค่าทำศพๅ
    ข. ค่ารักษาพยาบาล
    ค. ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เสียชีวิต
    ง. ค่าอุปการะบิดามารดาผู้เสียชีวิต
  48. บุคคลที่จะต้องรับผิดฐานละเมิดร่วมกับผู้อื่นได้แก่ข้อใด
    ก. นายจ้าง ต้องร่วมรับผิดลูกจ้างที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทเรื่องชู้สาว
    ข. บิดามารดาต้องร่วมรับผิดเมื่อผู้เยาว์ทำนิติกรรมซื้อรถทั้งที่ได้แสดงเจตนาบอกเลิกไว้ก่อนแล้ว
    ค. ผู้ยุยงส่งเสริมให้ถื่อว่ากระทำละเมิดด้วย
    ง. บิดาต้องรับผิดชอบหนี้สินที่บุตรบรรลุนิติภาวะได้ก่อหนี้ขึ้น
  49. หากรู้ตัวผู้กระทำการละเมิด อายุความฟ้องคดีอันเกิดจากมูลละเมิดข้อใดถูกต้อง
    ก. ภายใน 1 ปีนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิด
    ข. ภายใน 1 ปีนับแต่วันที่ผู้เสียหายแจ้งความ
    ค. ภายใน 10 ปีนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิด
    ง. ภายใน 10 ปีนับแต่วันที่ผู้เสียหายแจ้งความ
  50. หากไม่รู้ว่าผู้กระทำละเมิดคือใคร อายุความฟ้องคดีอันเกิดจากมูลละเมิดข้อใดถูกต้อง
    ก. ภายใน 5 ปี นับแต่วันละเมิด
    ข. ภายใน 10 ปี นับแต่วันละเมิด
    ค. ภายใน 15 ปี นับแต่วันละเมิด
    ง. ภายใน 20 ปี นับแต่วันละเมิด
  51. กรณีใดที่ผู้ขนส่งต้องรับผิดชอบสินค้าที่ทำการขนส่ง
    ก. สินค้าสูญหายเพราะเกิดเหตุสุดวิสัย
    ข. สินค้าสูญหายเพราะเกิดจากความผิดของผู้ตราส่ง
    ค. สินค้าสียหายเพราะเกิดจากสภาพแห่งของนั้นเอง
    ง. สินค้าเสียหายเพราะส่งมอบชักช้า
  52. วัตถุที่มีรูปร่าง หมายถึงสิ่งใด
    ก. ทรัพย์
    ข. ทรัพย์สิน
    ค. ทรัพย์นอกพาณิชย
    ง. อสังหาริมทรัพย์
  53. อสังหาริมทรัพย์ หมายถึง
    ก. ที่ดิน ทรัพย์ที่อยู่ติดกับที่ดินถาวรหรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดิน
    ข. สิทธิทั้งหลายของทรัพย์อันเกี่ยวกับที่ดิน
    ค. ข้อ ก และ ข ถูกต้อง
    ง. ทรัพย์ที่สามารถแบ่งได้
  54. ทรัพย์ต่อไปนี้อะไรเป็นทรัพย์นอกพาณิชย์
    ก. รถยนต์
    ข. ทะเลสาบ
    ค. ที่ดิน
    ง. บ้าน
  55. ทรัพย์นอกพาณิชย์หมายถึง
    ก. ทรพัย์ที่แบ่งได้
    ข. อสังหาริมทรัพย์
    ค. ทรัพย์สินที่โอนแก่กันมิได้ด้วยกฎหมาย
    ง. สังหาริมทรัพย์
  56. ในสัญญาประกันภัย “บุคคลผู้จะพึงได้รับค่าสินไหมทดแทน” คือใคร
    ก. ผู้รับประกันภัย
    ข. ผู้รับประโยชน์
    ค. ผู้เอาประกัน
    ง. ผู้รับมอบอำนาจ
  57. ในการประกันวินาศภัยใครเป็นบุคคลคนเดียวกันได้
    ก. ผู้เอาประกัน กับ ผู้รับประโยชน์
    ข. ผู้เอาประกัน กับ ผู้รับประกัน
    ค. ผู้รับประกัน กับ ผู้รับค่าสินไหมทดแทน
    ง. ผิดทุกข้อ
  58. ข้อใดถูกต้อง
    ก. การใช้เช่าอสังหาริมทรัพย์ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือจะฟ้องร้องกันมิได้
    ข. ถ้าให้เช่าเกินกว่า 3 ปีขึ้นไปต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
    ค. ถ้าให้เช่าตลอดอายุต้องทำเป็นหนังสือแต่ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จะบังคับได้ 3 ปี
    ง. ถูกทุกข้อ 
  59. นาย ก ให้นาง ข ที่นาเช่าเป็นทำนา 15 ปี แต่ไม่ได้ทำสัญญาให้เช่า หากนาง ข ไม่ชำระค่าเช่านาย ก จะฟ้องร้องได้หรือไม่อย่างไร
    ก. นาย ก จะฟ้องร้องนาง ข ได้และได้รับค่าเช่าครบ 15 ปี
    ข. นาย ก จะฟ้องร้องนาง ข ไม่ได้ เพราะคู่สัญญาไม่ได้ทำเป็นสัญญาเช่า
    ค. นาย ก จะฟ้องร้องนาง ข ได้ และได้ค่าเช่าครึ่งหนึ่งของระยะเวลาเช่า 15 ปี
    ง. นาย ก จะฟ้องร้องนาง ข ได้ หากนาง ข ไม่จ่ายค่าเช่าแต่จะบังคับได้เพียง 3 ปี 
  60. สัญญาเช่าซื้อกรรมสิทธิ์เป็นของผู้ใด.
    ก. ผู้เช่าซื้อ
    ข. ผู้ให้เช่าซื้อ
    ค. ผู้ผ่อนชำระ
    ง. ผู้ให้เช่า
  61. สัญญาขายผ่อนชำระกรรมสิทธิ์เป็นของใคร
    ก. ผู้ซื้อ
    ข. ผู้ขาย
    ค. ผู้ผ่อนชำระ
    ง. ผู้ขายฝาก
  62. การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีทำให้ทรัพย์สินเสียหายสามารถทำได้ตามข้อใด?
    ก. นำทรัพย์สินนั้นไปซ่อมแซม
    ข. ใช้ราคาทรัพย์สินที่เสียหาย
    ค. ซื้อทรัพย์สินชนิดและประเภทเดียวกันมาใช้แทน
    ง. ถูกทุกข้อ 
  63. กรณีที่ผู้ขับขี่ขับรถไปชนบุคคลอื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส นอกจากผู้ขับขี่จะต้องรับผิดทางอาญาแล้ว ผู้ขับขี่ยังจะต้องรับผิดทางแพ่งอย่างไร
    ก. ถูกจำคุก
    ข. ถูกปรับ
    ค. ถูกริบทรัพย์สิน
    ง. ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

เฉลยข้อสอบใบขับขี่ ที่เกี่ยวข้อง

เฉลยข้อสอบใบขับขี่ 2567 หมวด กฎหมายว่าด้วยรถยนต์

Pre-test ข้อสอบใบขับขี่ 2567 หมวด กฎหมายแพ่งพาณิชย์และกฎหมายอาญา

ข้อสอบใบขับขี่พร้อมเฉลย 2567 หมวด เครื่องหมายพื้นทาง