เรื่องของลมยาง

ลมยางมีความสำคัญอย่างไร ลมยางนับเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากต่อการทำหน้าที่ของยางรถยนต์เพราะลม จะทำให้ยางสามารถคงรูปร่างและยึดติดกับกระทะล้อ และรับน้ำหนักบรรทุกได้ นอกจากนี้ลมยังช่วยให้หน้ายางสามารถคงรูปร่างและยึดติดกับกระทะล้อ และรับแรงสั่นสะเทือนจากการกระแทกของหน้ายางกับผิวถนนที่ไม่เรียบได้ ลมที่ใช้เติมเข้าไปในยางรถยนต์โดยทั่วไปจะใช้อากาศอัดที่มาจากปั๊มลม ปัจจุบันได้นำแก๊สไนโตรเจนเข้ามาแทนการลมอัดแต่ยังไม่ แพร่หลายนัก เพราะผู้ใช้รถยนต์ต้องจ่ายเงินค่าแก๊สซึ่งยังมีราคาแพงมากเมื่อเทียบกับลมอัดที่เติมฟรี(ค่าแก๊สไนโตรเจนประมาณ 50 บาทต่อล้อ)

ผลของความดันลมต่อการใช้งานยางรถยนต์
ความดันของลมภายในยางจะเป็นปัจจัยสำคัญในการทำหน้าที่ของยางตามปกติแล้วบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์จะกำหนดค่า ความดันลมที่ เหมาะสมกับยางรุ่นนั้นๆมาให้ความดันลมที่เหมาะสมจะทำ ให้ยางมีรูปทรงที่เหมาะสมจะทำให้ยางทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

ลมยาง

ความดันลมยางที่เหมาะสม ความดันลมยางที่เหมาะสมสำหรับยางรถยนต์นั่งโดยทั่วไป จะอยู่ที่ประมาณ 28-36 ปอนด์/ตร.นิ้ว ส่วนรถกระบะจะอยู่ที่ประมาณ 30-45 ปอนด์/ตร.นิ้ว (ไม่มีการบรรทุก) และประมาณ 35-65 ปอนด์/ตร.นิ้ว (เมื่อมีการบรรทุก)แต่ละยี่ห้อ มีน้ำหนักต่างกัน หรือใช้ยางที่มีขนาดต่างกัน

กรณีที่ขับรถด้วยความเร็วสูงหรือขับรถทางไกลให้เพิ่ม ความดันลมขึ้น 3-5 ปอนด์/ตร.นิ้ว จากความดันลมปกติ ทั้งนี้เพื่อเป็นลดการบิดตัวของโครงสร้างยาง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ยางเกิดความร้อน

หากความดันของลมภายในยางมีน้อยเกินไปจะทำให้ยางแบน หน้ายางสัมผัสกับถนนไม่เต็มหน้า ดัง รูป (ซ้าย) ซึ่งจะมีผลให้มีการสึกหรอมากบริเวณไหล่ยาง และทำให้การบังคับเลี้ยวรถทำได้ยากขึ้น (พวงมาลัยหนัก) ชั้นผ้าใบหรือเนื้อยางเกิดการหัก ชำรุดเสียหายเร็วกว่าปกติ ประสิทธิภาพในการรีดน้ำและเกาะถนนลดลง และมีการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง ในทางตรงกันข้าม หากครวามดันยางภายในมากเกินไป จะทำให้แก้มยางสูงและหน้วยางโค้งขึ้น ดอกยางสัมผัสกับผิวของถนนเฉพาะตรงกลางหน้ายาง ซึ่งจะส่งผลให้ยางมีการสึกหรอมากตรงกลางหน้ายางประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน ลดลง(พื้นที่สัมผัสลดลง) รถเกิดการลื่นไถลได้ง่าย มีการสั่นสะเทือนมากขึ้น และอาจเกิดการระเบิดของยางได้

error: Content is protected !!