หลายคนคงมีแผนขับรถไปท่องเที่ยวในเส้นทางภูเขาที่คดโค้งและลาดชันกันอย่างมากแน่นอน ซึ่งการขับรถไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยอีกทั้งมีความคดเคี้ยวควรระมัดระวังให้มาก เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ๆ ลองไปดูกันว่า ป้ายจราจร ป้ายเตือน หรือสัญลักษณ์ริมทางที่มักจะพบได้ในเส้นทางบนเขามีอะไรบ้าง แต่ละป้ายแต่ละสัญลักษณ์มีความหมายอย่างไร
1. ขึ้น-ลงทางลาดชัน ช่วยให้เราเตรียมตัวและกะจังหวะในการขับได้ถูกต้อง หากเห็นป้ายเตือนขึ้นทางลาดชันจะได้เร่งเครื่องยนต์เพิ่มกำลังของรถให้ขึ้นทางชันได้ง่ายขึ้น หรือถ้าข้างหน้าเป็นทางลาดจะได้เตรียมลดความเร็วและตำแหน่งของเกียร์ให้ต่ำลงได้ทัน
2. จำกัดความเร็ว ควรใช้ความเร็วในระดับที่ใกล้เคียงกับที่ป้ายแนะนำไว้
3. ทางคดเคี้ยว หมายถึงทางข้างหน้ามีการเลี้ยวซ้ายทีขวาทีต่อเนื่องหลายครั้ง ไม่ควรใช้ความเร็วสูงเกินไป ช่วยเตือนให้เรารู้ตัวและมีสติในการเข้าโค้งข้างหน้า
4. ทางโค้งซ้ายหรือขวา เส้นทางบนภูเขาหลาย ๆ ช่วงมักมองเห็นทางข้างหน้าได้ไม่ไกลนัก เนื่องจากมีต้นไม้บังตา การมีป้ายเตือนว่าจะต้องพบกับทางโค้งซ้ายหรือขวาข้างหน้าจึงมีประโยชน์อย่างมาก
5. เขตห้ามแซง เป็นป้ายเตือนที่ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เนื่องจากอาจจะกำลังเข้าเขตชุมชน หรือเส้นทางข้างหน้าแคบลง หรืออื่น ๆ ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ แม้ว่ารถข้างหน้าจะขับช้า ก็ไม่ควรใจร้อน ควรรอจนถึงช่วงที่ปลอดภัยแล้วจึงค่อยแซง
6. เส้นทึบ เส้นประ เส้นที่อยู่กลางถนน เป็นการเตือนให้ทราบเช่นกันว่าช่วงไหนสามารถแซงได้หรือแซงไม่ได้ ถ้าอยู่ในช่วงเส้นทึบก็ไม่ควรที่จะแซง เส้นทางบนเขาส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมีไหล่ทางให้หลบหลีกกันได้ หากเลนตรงข้ามมีรถวิ่งสวนมามีโอกาสเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
7. ธงสีแดง ช่วงทางโค้งในหลาย ๆ เส้นทาง เจ้าหน้าที่มักจะนำธงสีแดงไปปักเตือนไว้ริมทางเพื่อเป็นการแจ้งเตือนผู้ใช้รถอีกทางหนึ่งนอกจากป้ายเตือนให้ลดความเร็ว เป็นการย้ำให้ผู้ใช้รถตระหนักถึงอันตรายหากไม่ชะลอความเร็วลง
เมื่อจะต้องขับรถบนเขาควรมีสติและไม่ประมาท เพราะหากมีการเฉี่ยวชนเกิดขึ้นมีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นเหตุการณ์รุนแรงและควบคุมได้ยาก ความสูญเสียที่เกิดขึ้นมากกว่าที่จะประเมินได้ อีกทั้งการช่วยเหลือก็ทำได้ลำบากและใช้เวลามาก
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
ขับรถขึ้นทางลาดชัน เครื่องยนต์ดับควรทำอย่างไร?
แบบทดสอบป้ายจราจร ข้อสอบใบขับขี่ หมวด ป้ายเตือน
ควรเปลี่ยน ผ้าเบรก รถยนต์เมื่อไหร่